Monkey Bike


Monkey Bike


      เรื่องราวของลิงน้อย เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1961 ( พ.ศ. 2504 ) ในโรงงานผลิตมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดยที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของมอเตอร์ไซด์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมาใหม่เพื่อ ทำให้เป็นมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นในยามว่าง หรือ นำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง,มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่นๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซด์คันน้อยนี้ว่ารุ่น " แซด ร้อย " Z100 ในเวลานั้นยังไม่ใครนึกถึงชื่ออื่น Z100 ขับวิ่งเล่นครั้งแรกในสวนหย่อม ทามา เทค " Tama Tech " บริเวณรอบๆ โรงงานของฮอนด้านั้นเอง และก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ลองขับขี่ว่า ขี่สนุก ผู้ที่เห็นรูปร่างมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้แล้วจินตนาการได้เหมือนกันว่า เหมือนกับลิงผอมตัวยาวๆ ที่แฝงไว้ด้วยความซุกซน จนมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้ถูกเรียกชื่อกันติดปากและรู้จักกันภายในอย่างไม่เป็นทางการว่า " ฮอนด้า มังกี้ " " Honda Monkey " ที่ดูยังไง ยังไง ก็เหมือน "ของเล่น" มากกว่าเป็นมอเตอร์ไซด์ ในช่วงแรกที่ทำขึ้นมานี้ยังไม่มีการวางแผนการผลิตอย่างจริงจัง เหมือนเป็นเพียงโครงงานที่คิดขึ้นมาแล้วรอเช็คกระแสตอบรับอยู่ว่าจะไปรอด หรือไม่ แต่หลังจากที่ Z100 ผ่านสายตาพนักงานที่พบเห็นและลองขับขี่แล้วปรากฎว่า กระแสตอบรับดีมากมีแฟนๆ คลั่งไคล้ ทุกเพศทุกวัย ทุกคนที่พบเห็นล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะเป็นเจ้าของ

ประวัติ การผลิต HONDA


 Motorcycle มอเตอร์ไซด์

      การผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โซอิชิโร่ ฮอนด้าได้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้าขึ้นเพื่อพัฒนาการผลิตรถจักรยานติดเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ ซูซูกิ ได้พัฒนารถจักรยานติดเครื่องยนต์ให้มีความทันสมัยมากขึ้นโดยเพิ่มระบบเกียร์ และตัวถีบเพื่อให้มีพลังในการขับเคลื่อนมากขึ้น นอกจากบริษัทฮอนด้าแล้วยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อีก3 บริษัทที่มีบทบาทต่อวงการรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น บริษัทที่เก่าแก่ที่สุด คือ ยามาฮ่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1887 โดยในยุคแรกเริ่มเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องดนตรีประเภทเปียโนและออแกน ก่อนที่จะหันมาผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น ในปี 1896 คาวาซากิ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องยนต์ด้านอากาศยาน ได้เข้ามาในวงการรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น และในปี 1909 ซูซูกิ ซึ่งเคยดำเนินธุรกิจสิ่งทอ ได้หันเหความสนใจมาที่ตลาดใหม่ คือ รถจักรยานยนต์
      วงการรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่นมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยในปี 1950 คาวาซากิ ได้ทำการผลิตรถจักรยานยนต์ที่สามารถวิ่งได้ต่อเนื่องเป็นระยะทาง 50,000 กม. ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้คาวาซากิเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น รถจักรยานยนต์ ขนาดเล็กเพื่อเจาะตลาดในกลุ่มอเมริกา และยุโรป โดยในปลายปี 1950 รถจักรยานยนต์ญี่ปุ่น เริ่มจำหน่ายในอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมคือ Honda C100 Super Cub ปี 1959 ซึ่งมียอดจำหน่ายมากกว่า 50 ล้านคันทั่วโลก ในช่วงเวลาเดียวกับบริษัทผู้ผลิตใน ญี่ปุ่นได้ทำการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน ในปี 1961 Mike Hailwood ทำให้ ฮอนด้าชนะการแข่งขัน TT Race เป็นครั้งแรก และชนะการแข่งขัน World Championships ในรุ่น 125 cc. ทำให้ชื่อเสียงของฮอนด้าเป็นที่รู้จักในสนามแข่งรถทั่วโลก และบริษัทผลิต รถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่นอื่นๆ ทั้ง คาวาซากิ ซูซูกิ และยามาฮ่า ก็ได้สร้างชื่อเสียงในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับโลกเช่นกัน และจากความสำเร็จในด้านความเร็วของรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่น ทำให้รถญี่ปุ่นเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็วของ รถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นที่ใช้ในการขับขี่บนท้องถนน นวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตรถจักรยานยนต์ของรถญี่ปุ่นเริ่มเกิดขึ้น โดยในปี 1968 ยามาฮ่า เป็บริษัทแรกที่ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และรถวิบาก รถ DT-1 Enduro ได้รับความสนใจมากในอเมริกา ในขณะที่ฮอนด้า ผลิตรถ Gold Wing ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกที่มีแอร์แบ็ค ในปี 2006


      ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ก้าวสู่ตลาดผลิตรถยนต์สู่ตลาดโลกในช่วงหลังของปี ค.ศ. 1950 ชื่อของรถจากประเทศญี่ปุ่น ก็เริ่มต้นดับรัศมีแนวความคิดเดิมๆ ของรถยุโรป ลงอย่างสิ้นเชิง และแน่นอนว่าชื่อของ Honda,Yamaha,Kawasaki และ Suzuki คือ 4 ในกระแสความนิยมสูงสุดที่ยังหลงเหลือผู้ผลิตรถจักรยานยนต์สู่ตลาดโลกอยู่เพียงไม่กี่แห่ง จากหลายร้อยยี่ห้อที่มีการผลิตรถในยุคก่อนสงครามโลกจะจบลง ปัจจุบัน ฮอนด้า คาวาซากิ ซูซูกิ และยามาฮ่า ได้ทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมียอดขายทั่วโลก และยังเป็นที่นิยมทั้งในยุโรปและเอเชีย และยังเป็นรถที่ได้รับการยอมรับในวงการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในระดับโลก


ที่มาของ Yamaha SR400


เปิดตำนาน Yamaha สายพันธุ์ SR 400/500
ทำไมรถรุ่นนี้ถึงได้มีอายุการผลิตที่ยาวนานเกือบ30ปี ?ทำไมถึงมีการปรับเปลี่ยนโฉม(Minor Change) ทั้งหมด 21ครั้งตั้งแต่เริ่มผลิตจนถึงปัจจุบัน ทำไมมันถึงไม่ยอมตกยุคหนำซ้ำยังได้รับความกระแสความน ิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและค้นคว้า และนี่คือตำนาน
Yamaha ตระกูล SR 400/500 ได้เริ่มสายการผลิตในครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1978 โดยเริ่มผลิตด้วยรุ่น 500 ก่อน ซึ่งได้ใช้เครื่องยนต์ของรถแนววิบากรุ่นพี่คือ Yamaha XT 500 (เริ่มผลิตปี 1976) เป็นต้นแบบ หลังจากนั้นจึงผลิตรุ่น 400 ตามออกมา
ด้วยการออกแบบรูปทรงเพื่อสนองความต้องการในยุคสมัยนั ้น (ยุครุ่งเรืองของรถมอเตอร์ไซค์จากเมืองผู้ดีอังกฤษ)
เครื่องยนต์สี่จังหวะสูบเดียว 400และ500cc. ระบบการไหลเวียนของน้ำมันเครื่องโดยใช้เฟรมของตัวรถ ซึ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจวัยรุ่นยุคนั้นอยู่ไม่น้อยเล ยทีเดียว และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้มีการปรับเปลี่ยนสีสันลายถัง,โลโก้,ระบบเบร ค เป็นต้น มีการผลิตรุ่น SP ทั้งหมด2รุ่น และ Special Edition ทั้งหมด4ครั้ง ที่เราจะได้มาดูในรายละเอียดกันต่อไป
















- ข้อมูลทางเทคนิคของ SR 400
เครื่องยนต์แบบ Single สูบเดียว 4จังหวะ โอเวอร์เฮดวาล์ว(OHC) 2 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
รหัสเครื่องยนต์ 2H6 (ไม่มีเลขต่อ)/ปี1996-2000 2H6 xxxxxx (มีเลข6หลัก)/ปี 2001 ถึงปัจจุบัน H313E xxxxxx
ความจุกระบอกสูบเท่ากับ 399cc.
ความกว้างกระบอกสูบxความยาวช่วงชักเท่ากับ 87.0x67.2
อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 8.5 : 1
แรงม้าที่มีมาให้ใช้ 27 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 7,000 รอบต่อนาที
แรงบิด 3.00 กิโลกรัมเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง คาร์บูเรเทอร์
ระบบตัดต่อกำลังแบบ คลัทช์แบบเปียก 8 แผ่นซ้อน
ส่งกำลังผ่าน โซ่และสเตอร์
ระบบจุดระเบิดแบบ CDI
ระบบเบรคหน้า ดรัมเบรค/ดิสเบรค (แล้วแต่รุ่นปี)
ระบบเบรคหลัง ดรัมเบรค












 รูป

 



- ข้อมูลทางเทคนิคของ SR 500
เครื่องยนต์แบบ Single สูบเดียว 4จังหวะ โอเวอร์เฮดวาล์ว(OHC) 2 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
รหัสเครื่องยนต์ 2J2
ความจุกระบอกสูบเท่ากับ 499cc.
ความกว้างกระบอกสูบxความยาวช่วงชักเท่ากับ 87.0x84.0
อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ
แรงม้าที่มีมาให้ใช้ 32 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 6,500 รอบต่อนาที
แรงบิด 3.70 กิโลกรัมเมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง คาร์บูเรเทอร์
ระบบตัดต่อกำลังแบบ คลัทช์แบบเปียก 8 แผ่นซ้อน
ส่งกำลังผ่าน โซ่และสเตอร์
ระบบจุดระเบิดแบบ CDI
ระบบเบรคหน้า ดรัมเบรค/ดิสเบรค (แล้วแต่รุ่นปี)
ระบบเบรคหลัง ดรัมเบรค

ต่อไปจะมาพูดถึงรายละเอียดของการผลิตในแต่ละปีกัน

 รูป



- ปี1978
เปิดไลน์การผลิต ด้วยดีไซน์ ถังน้ำมันแบบเรียวยาวและฝาถังยาว โลโก้ข้างถังเป็นแบบสติ๊กเกอร์ เป็นตัวอักษรคำว่า YAMAHA ตัวใหญ่ แบบเรียบ(ลายถังของ400และ500ไม่เหมือนกัน) ส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบเรียบเช่นกัน โดยมีตัวอักษรคำว่า SR400 อยู่ในแนวเดียวกัน ปีแรกมีการผลิตรุ่น400และ500cc. ระบบเบรกหน้าเป็นแบบ ดิสค์เบรค โดยอยู่ด้านซ้ายของวงล้อหน้า ไมล์หน้าดำเข็มเหลืองมีตุ่มไฟสีส้มที่กะโหลกไฟหน้า(ไ ม่รู้ว่าใช้บอกอะไร) เท่าที่ดูจากแคตตาล็อค 400มีฝาหลัง(หลังเบาะ)ส่วน500ไม่มีแต่จะมีมือจับเหล็ กสำหรับคนซ้อนจับแทน SR400 ใช้คาร์บูเรทอร์แบบลูกชัก ส่วน SR500 ใช้คาร์บูเรทอร์แบบลูกชักมีเจ็ทสเปรย์






สังเกตุดูที่แผงคอล่างจะมีไฟทับทิมวงกลมสีส้มติดอยู่


0

- ปี1979
ปีนี้ YAMAHA ผลิตเฉพาะรุ่น 400/500SP เท่านั้น คือเป็นรุ่นล้อแม็กซ์ 7 ก้าน โดยลักษณะของถังน้ำมัน,ฝาถังและโลโก้ข้างถังยังเป็นแ บบเดิมแตกต่างที่สีสันและลวดลายถัง ส่วนโลโก้ฝาข้างที่เป็นแบบเรียบเหมือนเดิม แต่ตัวอักษร จะเป็น SR400/500SP โดย คำว่า SR จะอยู่เหนือ คำว่า 400SPรุ่นนี้มีทั้งมือจับและฝาท้ายมาให้ทั้ง2รุ่น ส่วนระบบเบรกหน้ายังเป็นเหมือนเดิม ไมล์หน้าดำเข็มเหลือง ตรงกลางระหว่างวัดความเร็วและวัดรอบจะคั่นด้วยแผงไฟบ อกตำแหน่งเกียร์ว่างและไฟเลี้ยว






- ปี1982
ต้องขอบอกว่าในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ลักษณะของถังน้ำมัน,ฝาถังและโลโก้ข้างถังยังเป็นแบบเ ดิม และลวดลายถังก้อยังเหมือนกับปี79 แต่ปีนี้ผลิตแต่รุ่น400 ออกมาใหม่เท่านั้น (ไม่มีรุ่น500) ส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบเรียบเหมือนเดิม โดยมีตัวอักษรคำว่า SR400 อยู่ในแนวเดียวกันเหมือนปี78 ระบบเบรคหน้ายังเป็นดิสค์เหมือนเดิมเช่นกัน ปีนี้ไม่มีฝาหลังมีแต่มือจับ แผงไฟทับทิมสีส้มที่บริเวณด้านข้างของแผงคอล่างจะมีต ั้งแต่ปี78จนถึงปีนี้




ตา-กลม ตาก-ลม สังคม สองล้อ


- ปี1983
ปีนี้ YAMAHA ผลิตทั้ง400และ500ทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่น SP โดยลักษณะของถังน้ำมันและฝาถังยังเป็นแบบเดิม แต่โลโก้ข้างถังเป็นแบบตัวอักษร YAMAHA ตัวนูนใหญ่มาแทนสติ๊กเกอร์แบบเรียบ และลวดลายถังใหม่ โลโก้ฝาข้างแบบเดิมคือสติ๊กเกอร์แบบเรียบ โดยมีตัวอักษรคำว่า SR400 อยู่ในแนวเดียวกัน ส่วนรุ่นSP ตัวอักษร จะเป็น SR400/500SP โดย คำว่า SR จะอยู่เหนือ คำว่า 400SP ไมล์รุ่นเดิมแบบมีแผงไฟกั้นตรงกลางระหว่างวัดรอบและว ัดความเร็ว และตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปไม่มีแผงทับทิมสีส้มที่บริเ วณด้านข้างของแผงคอล่างแล้ว และไม่ผลิตรุ่นSP อีกแล้วจะเห็นได้ว่ารุ่นล้อแม็กซ์มีแค่ 2 ปีเท่านั้นคือ ปี1979 และ 1983 รุ่นล้อแม็กซ์จึงเป็นรุ่นนึงที่น่าสะสม




- ปี1984
ปีนี้ผลิตรุ่น400อย่างเดียว ถังน้ำมันและฝาถังแบบเดิม โลโก้แบบใหม่คือเป็นโลโก้สัญลักษณ์ของ YAMAHA คือ ส้อมเสียบ อยู่เหนือตัวอักษร YAMAHA ตัวเล็ก แบบตัวพลาสติกนูน ลายถังแบบใหม่ ส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบ ตัวอักษร SR อยู่เหนือตัวเลข 400 ไมล์ยังคงเป็นแบบเดิม และตั้งแต่ปี78จนถึงปีนี้ใช้ยางปิดที่หัวกระบอกโช๊ค ไม่มียางกันฝุ่นแบบเป็นข้อๆที่ยาวจากแผงคอล่างลงมาปิ ดที่กระบอกโช๊คแบบที่เราเห็นได้บ่อยในรถที่เข้ามาในบ ้านเรา






- ปี1985
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น400และ500 มีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเปลี่ยนระบบเบรกห น้าเป็นแบบดรัมเบรค(เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป) และไมล์เปลี่ยนเป็นแบบหน้าขาว(เห็นได้เยอะมากในบ้านเ รา) ลวดลายถังแบบใหม่มียางกันฝุ่นแบบเป็นข้อๆที่ยาวจากแผ งคอล่างลงมาปิดที่กระบอกโช๊คเริ่มใช้ตั้งแต่ปีนี้ ส่วนถังและฝาถังยังคงเป็นแบบเดิม



- ปี1988
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น400และ500 แต่ออกถังน้ำมันรุ่นใหม่คือถังน้ำมันจะอวบอ้วนขึ้นแล ะฝาถังเป็นแบบหอยเชลล์และคาร์บูเรเทอร์แบบผ้าปั๊มได้ เริ่มใช้ตั้งแต่ปีนี้ลวดลายถังเหมือนปี1985 แต่ต่างกันที่ลายฝาท้ายไม่เหมือนกัน




- ปี1991
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น400และ500 อีกเช่นกันทุกอย่างแทบจะเหมือนกับปี1988 มีจุดที่แตกต่างกันคือโลโก้ถังน้ำมันจะเป็นสัญลักษณ์ ของYAMAHA คือส้อมเสียบเท่านั้นเป็นแบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันแล ะส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบตัวอักษรSR อยู่บนเยื้องกับตัวเลข 400โดยมีหางของตัวอักษรR มาพาดทับตัวเลข400



- ปี1992
ปีนี้เป็นปีแรกที่YAMAHA ทำรุ่นSPECIAL EDITION คือรุ่น400S และ 500S รุ่นพิเศษนี้เห็นได้ชัดที่สุดคือโคมไฟหน้าได้ทำสีเดี ยวกับตัวรถและโลโก้ฝาข้างเปลี่ยนมาใช้แบบนูนรูปวงรีโ ดยมีตัวอักษรSR อยู่ตรงกลางเป็นแบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันและเบาะหนัง ด้านบนเป็นสีน้ำตาลตัดกับด้านล่างสีดำ




- ปี1993
ปีนี้เท่าที่ดูจากภายนอกแล้วแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปล ง ลวดลายจะเหมือนปี 1991




Catch the Wind
ตา-กลม ตาก-ลม สังคม สองล้อ


- ปี1995
ปีนี้ออกรุ่นSPECIAL EDITION ครั้งที่ 2 แต่ทำออกมาเฉพาะรุ่น400S เท่านั้น (ปีนี้ไม่ผลิตรุ่น 500) แต่รุ่นนี้ไม่เหมือนกับรุ่นSPECIAL EDITION รุ่นแรกก้อตรงที่โคมไฟหน้าเป็นแบบชุบโครเมี่ยมทั้งหม ดจุดเด่นที่เห็นชัดคือเสื้อสูบและฝาวาล์วเป็นสีทองอ่ อน (ตัวผมเองยังไม่สามารถหาข้อมูลของรุ่นSPECIAL EDITION ได้เท่าที่ควรจะเห็นที่แตกต่างชัดเจนภายนอกเท่านั้นส ่วนระบบภายในเครื่องยนต์หรือระบบไฟยังไม่มีข้อมูลตรง นี้)




- ปี1996
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น 400 และ 500 มีลวดลายที่แตกต่างและปีนี้เริ่มมีการตอกเลขเครื่อง(2H6 xxxxxx)สำหรับรุ่น400 ส่วนรุ่น 500 ได้ออกเป็นรุ่นGLITTERING BLACK เน้นสีดำเป็นโทนสีหลักซึ่งลวดลายจะไม่เหมือนกับรุ่น 400




ตารางการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ ปี 2012


FIM - FIM Asia - FMSCT

FIM World MX2 Calendar


*ผู้ชนะสนามแรกได้สิทธิ์เป็นตัวแทนเอเซียเข้าร่วมศึกชิงแชมป์โลกที่ประเทศอังกฤษ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕

FMSCT Thailand Motocross/Supercross 2012
ชิงแชมป์ประเทศไทย รวม ๙ สนาม

๒-๓ มิถุนายน FMSCT Thailand MX/SX 2012 Rd 5, น่าน

๓๐ มิถุนายน - ๑ กรกฎาคม FMSCT Thailand MX/SX 2012 Rd 6, นครศรีธรรมราช

๔-๕ สิงหาคม FMSCT Thailand MX/SX 2012 Rd 7, สระบุรี

(๑๙ สิงหาคม FIM World MX 2012 Rd 13, Winchester England, อานนท์ เทพลิบ MX2)

(๒๙-๓๐ กันยายน MXoN Belguim : โมโตครอสชิงแชมป์โลกทีมชาติ)

๖-๗ ตุลาคม FMSCT Thailand MX/SX 2012 Rd 8, กาญจนบุรี

๒๔-๒๕ พฤศจิกายน FMSCT Thailand MX/SX 2012 Rd 9:Final, จันทบุรี

๘-๙ ธ้นวาคม All Japan Star Supercross in Sukhothai 2012



อนึ่ง โปรแกรมการแข่งขันอาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจักแจ้งให้ทราบต่อไป

FMSCT Thailand Enduro 2012
เอ็นดูโร่ชิงแชมป์ประเทศไทย ๔ สนาม


๗-๘ กรกฎาคม FMSCT Thailand Enduro 2012 Rd 3, ลำปาง

(๒๘-๒๙ กรกฎาคม FIM-Asia Enduro 2012, Rd?)

๑-๒ กันยายน FMSCT Thailand Enduro 2012 Rd 4, เชียงราย

(๑๕-๑๖ กันยายน  FIM-Asia Enduro 2012, Rd?)

๑๓-๑๔ ตุลาคม FMSCT Thailand Enduro 2012 Rd 5, แม่ฮ่องสอน

(updated : ๒๒ กุมภาพันธ์​ ๒๕๕๕)
.......

Motocross - Cyclecross - 2012 



๑๔ กรกฎาคม รักไทโมโตครอส#4 อ.เนินมะปราง พิษณุโลก

๑๕ กรกฎาคม อ.บ้านค่าย ระยอง

๑๕ กรกฎาคม อ.แวงน้อย จังหวัดอะไรครับ?

๒๙ กรกฎาคม ท่าน้ำอ้อย นครสวรรค์

๒๙ กรกฎาคม ห้วยตาเขียว อ.บ้านกรวด บุรีรัมย์


๑๒ สิงหาคม ชิงแชมป์อิสานล่าง Rd 2 อ.สูงเนิน นครราชสีมา

๑๒ สิงหาคม หาดขามโมโตครอส#2 กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์

๑๙ สิงหาคม แก่งโสภาโมโตครอส#6 จ.พิษณุโลก


๒ กันยายน ชิงแชมป์ภาคเหนือ Rd 4 อ.เด่นชัย แพร่

๒๓ กันยายน พระพุทธเอ็นดูโร่การกุศล#2 อ.เฉลิมพระเกียรติ นครราชสีมา

๒๘ ตุลาคม เชียงคานโมโตครอส#3 



๑๙ สิงหาคม แก่งโสภาโมโตครอส #6
..

Fuse Racing ชิงแชมป์ภาคเหนือ 2012

1.พะเยา..26 ก.พ.2555
2.สุโขทัย
3.น่าน    29 เมษายน 2555
4.ลำปาง 20 พฤษภาคม 2555
5.เชียงใหม่ 21 ตุลาคม 2555
6.แพร่(แป้)

Fuse Racing ชิงแชมป์ภาคกลาง 2012 

ทั้งหมด  5  สนามด้วยกัน รายละเอียดดังนี้
สนามที่ 1. วันที่   4   มี.ค. 2555   อ.เลาขวัญ  จ. กาญจนบุรี   คุณพยอม  089-297-3478
สนามที่ 2. วันที่  25  มี.ค. 2555   อ.จันทร์เสน จ. นครสวรรค์  คุณคมสันต์  081-283-4495
สนามที่ 3. วันที่   6   พ.ค. 2555   อ.ดอนเจดีย์ จ. สุพรรณบุรี  คุณแจ่ม  082-195-4734
สนามที่ 4. วันที่   2   ก.ย. 2555   อ.หันคา      จ. ชัยนาท     คุณกรกฎ 089-272-6324
สนามที่ 5. วันที่   2  ธ.ค.  2555   อ.บ้านไร่     จ. อุทัยธานี    คุณกิตติ 086-735-5864

.....

ปล.ผู้จัด/ผู้เกี่ยวข้องรบกวนแจ้งรายละเอียด เรื่องแผนที่การเดินทางด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง ว่างๆยังไง จะได้ตามไปถ่ายรูปไว้ดูกัน รายการที่ใดยังไม่มีกรุณาแจ้งมาด้วยครับ ปล.หากปฏิทินการแข่งขันผ่านไปแล้วสงวนสิทธิ์ที่จะลบ ปฏิทินที่ล้าสมัยออกนะครับ จะได้ประหยัดพื้นที่บนเว็บบอร์ด


อนึ่ง โปรแกรมการแข่งขันอาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจักแจ้งให้ทราบต่อไป

.........................

....การจัดการแข่งขันกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย(MSAT)/สมาพันธ์กีฬาแข่งรถแห่งประเทศไทย(FMSCT) ผู้จัดการแข่งขันควรดำเนินการขออนุญาตจัดการแข่งขันจากสมาพันธ์ฯซึ่งได้รับการรับรองจาก สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์โลก (FIM) มีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานการแข่งขันและความปลอดภัยของ นักแข่ง/รถแข่ง/สนามแข่งขัน

สมาคมกีฬาแข่งรถจักรยานต์แห่งประเทศไทย : MSAT
สมาพันธ์กีฬาแข่งรถแห่งประเทศไทย : FMSCT
E-mail : racing@msat.co.thracing@fmsct-live.com
www.msat.or.th