Monkey Bike


Monkey Bike


      เรื่องราวของลิงน้อย เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1961 ( พ.ศ. 2504 ) ในโรงงานผลิตมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดยที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของมอเตอร์ไซด์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมาใหม่เพื่อ ทำให้เป็นมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นในยามว่าง หรือ นำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง,มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่นๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซด์คันน้อยนี้ว่ารุ่น " แซด ร้อย " Z100 ในเวลานั้นยังไม่ใครนึกถึงชื่ออื่น Z100 ขับวิ่งเล่นครั้งแรกในสวนหย่อม ทามา เทค " Tama Tech " บริเวณรอบๆ โรงงานของฮอนด้านั้นเอง และก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ลองขับขี่ว่า ขี่สนุก ผู้ที่เห็นรูปร่างมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้แล้วจินตนาการได้เหมือนกันว่า เหมือนกับลิงผอมตัวยาวๆ ที่แฝงไว้ด้วยความซุกซน จนมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้ถูกเรียกชื่อกันติดปากและรู้จักกันภายในอย่างไม่เป็นทางการว่า " ฮอนด้า มังกี้ " " Honda Monkey " ที่ดูยังไง ยังไง ก็เหมือน "ของเล่น" มากกว่าเป็นมอเตอร์ไซด์ ในช่วงแรกที่ทำขึ้นมานี้ยังไม่มีการวางแผนการผลิตอย่างจริงจัง เหมือนเป็นเพียงโครงงานที่คิดขึ้นมาแล้วรอเช็คกระแสตอบรับอยู่ว่าจะไปรอด หรือไม่ แต่หลังจากที่ Z100 ผ่านสายตาพนักงานที่พบเห็นและลองขับขี่แล้วปรากฎว่า กระแสตอบรับดีมากมีแฟนๆ คลั่งไคล้ ทุกเพศทุกวัย ทุกคนที่พบเห็นล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะเป็นเจ้าของ

ประวัติ การผลิต HONDA


 Motorcycle มอเตอร์ไซด์

      การผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มต้นขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โซอิชิโร่ ฮอนด้าได้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้าขึ้นเพื่อพัฒนาการผลิตรถจักรยานติดเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ ซูซูกิ ได้พัฒนารถจักรยานติดเครื่องยนต์ให้มีความทันสมัยมากขึ้นโดยเพิ่มระบบเกียร์ และตัวถีบเพื่อให้มีพลังในการขับเคลื่อนมากขึ้น นอกจากบริษัทฮอนด้าแล้วยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อีก3 บริษัทที่มีบทบาทต่อวงการรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น บริษัทที่เก่าแก่ที่สุด คือ ยามาฮ่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1887 โดยในยุคแรกเริ่มเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องดนตรีประเภทเปียโนและออแกน ก่อนที่จะหันมาผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น ในปี 1896 คาวาซากิ ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องยนต์ด้านอากาศยาน ได้เข้ามาในวงการรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น และในปี 1909 ซูซูกิ ซึ่งเคยดำเนินธุรกิจสิ่งทอ ได้หันเหความสนใจมาที่ตลาดใหม่ คือ รถจักรยานยนต์
      วงการรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่นมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยในปี 1950 คาวาซากิ ได้ทำการผลิตรถจักรยานยนต์ที่สามารถวิ่งได้ต่อเนื่องเป็นระยะทาง 50,000 กม. ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้คาวาซากิเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่น รถจักรยานยนต์ ขนาดเล็กเพื่อเจาะตลาดในกลุ่มอเมริกา และยุโรป โดยในปลายปี 1950 รถจักรยานยนต์ญี่ปุ่น เริ่มจำหน่ายในอเมริกาเป็นครั้งแรก โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมคือ Honda C100 Super Cub ปี 1959 ซึ่งมียอดจำหน่ายมากกว่า 50 ล้านคันทั่วโลก ในช่วงเวลาเดียวกับบริษัทผู้ผลิตใน ญี่ปุ่นได้ทำการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน ในปี 1961 Mike Hailwood ทำให้ ฮอนด้าชนะการแข่งขัน TT Race เป็นครั้งแรก และชนะการแข่งขัน World Championships ในรุ่น 125 cc. ทำให้ชื่อเสียงของฮอนด้าเป็นที่รู้จักในสนามแข่งรถทั่วโลก และบริษัทผลิต รถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่นอื่นๆ ทั้ง คาวาซากิ ซูซูกิ และยามาฮ่า ก็ได้สร้างชื่อเสียงในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับโลกเช่นกัน และจากความสำเร็จในด้านความเร็วของรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่น ทำให้รถญี่ปุ่นเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็วของ รถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นที่ใช้ในการขับขี่บนท้องถนน นวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตรถจักรยานยนต์ของรถญี่ปุ่นเริ่มเกิดขึ้น โดยในปี 1968 ยามาฮ่า เป็บริษัทแรกที่ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และรถวิบาก รถ DT-1 Enduro ได้รับความสนใจมากในอเมริกา ในขณะที่ฮอนด้า ผลิตรถ Gold Wing ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกที่มีแอร์แบ็ค ในปี 2006


      ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ก้าวสู่ตลาดผลิตรถยนต์สู่ตลาดโลกในช่วงหลังของปี ค.ศ. 1950 ชื่อของรถจากประเทศญี่ปุ่น ก็เริ่มต้นดับรัศมีแนวความคิดเดิมๆ ของรถยุโรป ลงอย่างสิ้นเชิง และแน่นอนว่าชื่อของ Honda,Yamaha,Kawasaki และ Suzuki คือ 4 ในกระแสความนิยมสูงสุดที่ยังหลงเหลือผู้ผลิตรถจักรยานยนต์สู่ตลาดโลกอยู่เพียงไม่กี่แห่ง จากหลายร้อยยี่ห้อที่มีการผลิตรถในยุคก่อนสงครามโลกจะจบลง ปัจจุบัน ฮอนด้า คาวาซากิ ซูซูกิ และยามาฮ่า ได้ทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมียอดขายทั่วโลก และยังเป็นที่นิยมทั้งในยุโรปและเอเชีย และยังเป็นรถที่ได้รับการยอมรับในวงการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในระดับโลก